ประวัติสภาองค์กร พุทธสมาคมไทย เบอร์ลิน

จุดเริ่มต้น

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ กลุ่มชาวไทยในเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้นิมนต์พระสงฆ์มาจำพรรษาโดยเช่าสถานที่เล็ก ๆ เพียงพอแก่การปฏิบัติศาสนกิจ และมีที่พอได้ปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์กับที่บำเพ็ญกุศลของสาธุชนผู้ศรัทธา โดยจดทะเบียนเป็นพุทธสมาคมไทย-เบอร์ลิน ประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๓๗ คณะศรัทธาชาวไทยอีกกลุ่ม ได้ดำเนินการซื้อบ้านและที่ดินอีกด้านหนึ่งของเบอร์ลิน ได้นิมนต์พระสงฆ์อีกรูปจากที่มีอยู่ ๒ รูปไปจำพรรษาจึงเกิดเป็น ๒ วัด

นิมนต์พระเถระดูแลการสร้างวัด

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๗ เมื่อวัดได้เกิดเป็น ๒ วัด คณะกรรมการวัดและสาธุชนที่อุปถัมภ์เกรงว่าจะเกิดความไม่ราบรื่นในการสร้างวัด จึงได้กราบอารารธนาพระเดชพระคุณพระธรรมกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ให้เป็นที่ปรึกษาและกำกับดูแล ซึ่งคณะศรัทธาเห็นว่าท่านเป็นพระเถระที่มีวิสัยทรรศน์สามารถที่จะให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างวัดให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงต่อไปได้ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้คณะศรัทธาญาติโยมผิดหวัง เพราะท่านได้ปักหลักให้แนวคิดในการทำงาน คัดเลือกพระทีมีคุณสมบัติมาทำงาน การสร้างวัดในต่างประเทศเป็นเรื่องที่ยาก คือต้องหลอมรวมคนหลากหลายแนวคิดหลายวัฒนธรรม เพราะคนไทยก็มาจากทุกภาควัฒนธรรมแตกต่างกัน กฏหมาย ภาษา คนท้องถิ่นที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมพุทธเลย นับว่าเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ความอดทนในการทำความเข้าใจ แต่ทุกอย่างก็ค่อย ๆ ผ่านพ้นมาได้ ก็ด้วยความเข้าใจในงาน ในสถานการณ์และเมตตาบารมีของท่านนั่นเอง

ซื้อบ้านและที่ดินเป็นวัดใหม่

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ รวบรวมทุนทรัพย์ได้จำนวนหนึ่งและกู้จากธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง ได้มาซื้อบ้านและที่ดินในเขตไรนิเค่นดอร์ฟ ของเมืองเบอร์ลิน ซึ่งเป็นย่านที่การคมนาคมสะดวกเป็นบ้าน ๓ ชั้นมีชั้นใต้ดิน เดิมเป็นเกสเฮ้าส์ ชั้นล่างเป็นห้องโถง จึงเหมาะแก่การใช้เป็นห้องบำเพ็ญกุศล เนื้อที่วัดแรก ๓๗๕ ตารางวา ราคา ๙๘๐,๐๐๐ มาร์ก คิดเป็น ยูโรประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ ยูโร ใน ๕ ปีแรกได้ส่งธนาคารเดือนละ ๔๐๐๐.๙๙ มาร์ก โดยเป็นเงินดอกเบี้ย ๓,๒๐๐.๙๙ มาร์ก คิดเป็นจ่ายเงินต้นเดือนละ ๘๐๐ มาร์ก
ปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ ได้เริ่มดำเนินการหาที่ดินเพื่อสร้างวัดให้เป็นวัดที่ สมบูรณ์อย่างวัดในประเทศไทย เพื่อสะดวกต่อการปฏิบัติศาสนกิจ และการบำเพ็ญกุศล ตลอดทั้งการปฏิบัติธรรมและเรียนธรรมได้อย่างสัปปายะ
ในปี พุทธศักราช ๒๕๔๘ ได้ประสานงานกับนายกเทศมนตรีเขตไรนิเค่น ดอร์ฟ กรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเขตที่วัดตั้งอยู่ ขอให้จัดหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการตั้งวัด ท่านนายกเทศมนตรีได้แนะนำสถานที่ที่อยู่ในความดูแลของเขต ซึ่งเป็นโรงงานเก่ามีเนื้อที่ใหญ่โตถึง ๒๓ ไร่เศษ มีอาคารเป็นโรงงานเก่า เป็นอาคารใหญ่โตกว้างขวางกินเนื้อที่ถึง ๑๒ ไร่ อยู่ในที่ที่ไม่ไกลจากวัดเดิม ตั้งอยู่ในโซนที่สงบไม่พลุกพล่าน การเดินทางก็สะดวก มีรั้วรอบขอบชิด ด้านหน้าเป็นเนินเขาดินเตี้ยเป็นที่พักผ่อนของชาวเมืองระแวกนี้ ซึ่งจะขายให้สร้างวัดไทยในราคาพิเศษตารางเมตรละ ๒๘๐ ยูโร ถ้าซื้อที่ดินทั้งผืนราคาที่ซื้อขายกันปกติใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ ๕ ล้านยูโร (เป็นเงินไทยประมาณ ๒๕๐ ล้านบาท) ถ้าซื้อตามราคาที่ลดให้แล้วนี้ ประมาณ ๒,๕๐๐,๐๐๐ ยูโร คิดเป็นเงินไทย ประมาณ ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาทตามอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น นับเป็นราคาที่ไม่แพงนักสำหรับที่ดินในเมืองหลวงของประเทศที่เจริญอย่างนี้ ถ้าเทียบกับกรุงเทพฯ ที่ดินในกรุงเทพแพงกว่านี้ด้วยซ้ำไปแต่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเพราะยังไม่สามารถดำเนินการจัดหาทุนทรัพย์ได้ตามราคาที่กำหนด จึงไม่ สามารถดำเนินการซื้อได้

ดำเนินการซื้อที่ดินเนื้อที่ ๑๓ ไร่ ๒ งาน

ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ ได้เจอบ้านและที่ดินในเขตพังโคว์ กรุงเบอร์ลิน เป็นแบบคฤหาสน์หลังใหญ่สร้างมาแล้วร่วม ๑๐๐ ปี เนื้อที่กว้างขวางมาก ตกประมาณ ๑๓ ไร่ ๒ งาน ที่สำคัญราคาถูกมาก ราคาวัดแห่งใหม่ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ยูโร
ราคาทีดินดังกล่าวถือว่าเป็นราคาที่ไม่แพง ตกตารางเมตรไม่เกิน ๕๐ ยูโร โดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ ๓๐๐ ยูโรขึ้น เป็นราคาที่ถูกมากและตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกอย่างมากในการเดินทาง บ้านหลังนี้อยู่ในเขตเบอร์ลินตะวันออก เดินทางจากจุดกลางเมือง คืออเล็กซานเดอร์พลัส มีรถรางเริ่มต้นและมาสุดสายตรงใกล้ที่ตรงนี้พอดีใช้เวลาแค่ ๑๘ นาที ไม่ว่าจะเดินทางมาจากจุดไหนก็สะดวกเป็นอย่างมาก

การใช้งานของอาคาร

เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของคหบดีตระกูลลิชเท่นแบร็ก ในช่วงที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย ทางการใช้เป็นสถานพยาบาล ต่อมาใช้เป็นบ้านพักคนชรา และโรงเรียนการอาชีพ เป็นบริษัท ให้เช่าเป็นโกดังที่เก็บของตามลำดับ
ได้ให้วิศวกรชาวเยอรมันดำเนินการขออนุญาตกับทางเมืองว่า วัดไทยในนามพุทธสมาคมไทย-เบอร์ลิน ที่จดทะเบียนกับทางเมืองเบอร์ลิน(ศาล) จะดำเนินการซื้อที่ดินแห่งนี้เพื่อสร้างวัดพระพุทธศาสนาอย่างประเทศไทย และขออนุญาตในการสร้างอาคารเพิ่มในอนาคต พร้อมมีพระสงฆ์พักอาศัยได้ในเบื้องต้นจำนวน ๑๐ รูป ซึ่งก็ได้รับอนุญาตจากทางเมืองเป็นอย่างดี
หลังจากนั้นจึงได้เจรจากับเจ้าของที่เพื่อทำสัญญาในการซื้อขาย เอกสารสัญญาเรียบร้อย แต่วัดไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ เพราะไม่มีใครค้ำประกันได้เพราะเป็นเงินจำนวนมาก จึงได้แจ้งกับเจ้าของบ้านว่าเราไม่สามารถกู้เงินได้ ไม่สามารถซื้อเป็นเงินสดได้ หากจะให้ซื้อได้ขอเป็นการซื้อผ่อน โดยวางดาวน์และก็ผ่อนแบบประเทศไทยทำกัน เจ้าของบ้านใจดีมาก ภายใน ๓ อาทิตย์ต่อมาก็ตอบรับ และได้ตกลงดาวน์ ๓๕๐,๐๐๐ ยูโรให้ผ่อน ๕ ปี จ่ายผ่อนเดือนละ ๔,๕๐๐ ยูโรไม่มีดอกเบี้ย ครบ ๕ ปีจะคงเหลืออีก ๓๘๐,๐๐๐ ยูโร ซึ่งจะต้องจ่ายชำระให้หมด

ตกลงทำสัญญาซื้อขาย

วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้เซ็นต์สัญญาซื้อวัดแห่งใหม่ โดยมีทนายความซึ่งเป็นผู้แทนศาล จะเป็นผู้กำกับให้ทั้งสองฝ่ายทำตามข้อตกลงในสัญญ

ทำบุญใหญ่ครั้งแรกที่บริเวณวัดใหม่

เดือนเมษายน ๒๕๕๕ อากาศเริ่มอุ่นได้เริ่มเข้ามาปรับบริเวณ โดยพระสงฆ์และแม่ชีส่วนหนึ่งได้เริ่มเข้ามาพัก เดือนมิถุนายน ได้ทำบุญประจำปีของวัดในบริเวณวัดใหม่ แม้จะยังปรับบริเวณได้ไม่มากนัก แต่ก็สามารถรองรับผู้มาทำบุญจำนวนพันได้ เพื่อนบ้านชาวเยอรมันตื่นเต้นมาร่วมงานเป็นร้อย เพื่อนบ้านชาวเยอรมันต่างแสดงความเป็นมิตรโดยการแวะเวียนมาทักทายบ้าง มาขอบคุณคนไทยว่ามาทำให้สถานที่รกร้างน่ากลัวเกิดความสวยงาม ทำให้พวกเขามีความสุขทางใจ คือไม่หวั่นวิตกว่าจะมีใครคอยทำร้ายในสถานที่ตรงนี้ สบายตา คือยี่สิบสามสิบปีที่ผ่านมาพบแต่สภาพรกร้าง สกปรกรุงรัง บัดนี้เจอแต่ความโล่งโปร่งมีสีสันสวยงามจากดอกไม้หลากหลาย

ย้ายเข้าเป็นทางการ

เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ หลังจากที่ได้ขายอาคารและที่ดินวัดเดิมได้ ก็ได้ขนย้ายเข้าอย่างเป็นทางการในวันก่อนเข้าพรรษา มีพิธีอัญเชิญพระประธานซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ โดยพระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารี) ราชบัณฑิตสงฆ์ รูปแรกเป็นผู้ดำเนินการสร้างมาถวายไว้ตั้งแต่ยังไม่มีวัด

บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องในอดีต

๑. พระพิมลธรรม(ชอบ อนุจารี) อดีตราชบัณฑิตสงฆ์รูปแรก ซึ่งเป็นผู้สร้างพระประธาน และตั้งนามองค์พระประธานไว้โดยที่ใครเห็นเข้าจะต้องรู้ได้ทันว่าควรจะให้ไปประดิษฐานที่ไหน คือ “พระพุทธชินราชัน นรเทพเยอรมัน อภิปูชนีย์”
๒. นายธวัชชัย ทวีศรี ตำแหน่งกงสุลใหญ่เมืองเบอร์ลินขณะนั้น เป็นผู้ดำริในสร้างวัดตลอดทั้งได้ดำเนินการประสานกับทางเมืองเบอร์ลินไว้ เกี่ยวกับที่ดินสำหรับการสร้างวัด และที่สำคัญได้สร้างเหรียญที่ระลึกวโรกาส ๖๐ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ อีกด้านเป็นที่ระลึก ๗๕๐ ปีนครเบอร์ลิน (ช่วงนั้นไม่ได้เป็นเมืองหลวงจึงใช้คำว่า นคร) ซึ่งต่อมาท่านได้เดินทางไปรับตำแหน่งที่อื่นเสียก่อน โครงการที่ดีของท่านยังไม่บรรลุผล ภายหลังได้มอบถวายเหรียญที่ระลึกเหล่านั้นแก่ทางวัด เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้บูชาเป็นกองทุนสร้างวัด
เรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พระประธานของวัดนั้น ก่อนสร้างท่านผู้ดำเนินการสร้างประสงค์ที่จะนำมามอบให้สมาคมชาวพุทธที่เมืองฮัมบวร์ก แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วไม่มีใครเป็นผู้รับรองดูแล หลวงพ่อพระพิมลธรรม (ชอบ) ท่านจึงฝากส่งไปมอบไว้ที่วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน อังกฤษ ท่านกงสุลธวัชชัย เดินทางจากเบอร์ลิน ไปทำบุญที่วัดพุทธปทีปแล้วได้เห็นพระนามของพระประธานดังกล่างข้างบน จึงกราบเรียนถามท่านเจ้าอาวาสจนได้ความ แล้วได้ขออนุญาตเอกอัครราชทูต ณ กรุงบอนขณะนั้นนำมาประดิษฐานไว้ที่สถานกงสุลเบอร์ลินขณะนั้น หลวงพ่อพระประธานรออยู่นานพอสมควรจึงได้มีการก่อตั้งวัด และได้อัญเชิญมาเป็นพระประธานของวัดไทยในเบอร์ลินตราบเท่าปัจจุบัน
๓ .ท่านกงสุลบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ผู้เป็นประธานพุทธสมาคมไทย-เบอร์ลินคนแรก และ
๔. ท่านกงสุลใหญ่คนต่อมา ก็ได้รับเป็นประธานพุทธสมาคมไทย-เบอร์ลิน คนที่ ๒

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมกิตติวงศ์ (ราชบัณฑิต) ได้ให้นโยบายในการพัฒนาและบริหารวัด ซึ่งมีโครงการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๐(1997) – ปัจจุบัน

งานและโครงการต่าง ๆที่จะได้นำมาแจ้งให้ทราบนี้ เป็นงานที่เริ่มเมื่อพระธรรมทูตทั้ง ๓ รูปเดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจในปีแรก ๆ เพราะก่อนหน้านี้คือตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ เป็นช่วงกำลังปรับปรุงซ่อมแซม ตลอดทั้งพระธรรมทูตที่มาประจำก็ยังไม่นิ่ง จึงยังทำอะไรไม่ได้มาก เมื่อพระธรรมทูตชุด
(๑) พระมหาพยอม สุทสฺสโน ป.ธ.๗,
(๒) พระมหาบุญมา ปุญฺญานนฺโท ป.ธ.๖ และ
(๓) พระมหาอนุศักดิ์ จนฺทสีโล ป.ธ.๗
มาอยู่ประจำตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ (1997) จึงได้รับนโยบายจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อในการพัฒนาและบริหารวัด โครงการต่าง ๆ จึงได้เริ่มเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ เป็นลำดับ ดังนี้

๑. พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๘ ดำเนินการตั้งกองทุนชำระหนี้ของวัด จากการกู้ซื้อวัด
๒. พ.ศ. ๒๕๓๙ – ปัจจุบัน จัดทำสื่อธรรมะเผยแผ่ (หนังสือธรรมะและซีดี วีซีดีธรรมะ)
๓. พ.ศ. ๒๕๔๐-ปัจจุบัน จัดงานเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมปีละ ๓ ครั้ง
๔. พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๖ ดำเนินงานก่อตั้งวัดธรรมวิหาร เมืองฮันโนเวอร์ เยอรมนี
๕. พ.ศ. ๒๕๔๒-ปัจจุบัน ก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทย และดำเนินการสอนถึงปัจจุบัน
๖. พ.ศ. ๒๕๔๓-ปัจจุบัน จัดโครงการอบรมเยาชนและบรรพชาสามเณร ภาคฤดูร้อน
๗. พ.ศ. ๒๕๔๔-๒๕๔๗ จัดงานแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธไมตรีเยาวชน เชื้อสายเอเซีย
๘. พ.ศ. ๒๕๔๔-ปัจจุบัน ทอดผ้าป่าสามัคคี เชื่อมสัมพันธไมตรีวัดไทยในยุโรป
๙. พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นแกนนำในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานที่กรุงเบอร์ลินเป็นการชั่วคราว
๑๐. พ.ศ .๒๕๔๗ จัดตั้งศูนย์การเรียนทางไกล ส่งเสริมการเรียนดนตรีและนาฏศิลป์ไทย
๑๑. พ.ศ. ๒๕๔๗-ปัจจุบัน จัด “โครงการปฏิบัติธรรมพิเศษ” ประจำปี
๑๒. พ.ศ.๒๕๔๘-ปัจจุบัน ร่วมกับนายกเทศมนตรีเขตไรนิเคนดอร์ฟ กรุงเบอร์ลิน จัดงานเพื่อหารายได้นำเงินไปช่วยเหลือ นักเรียนที่ประสบภัยสึนามิ
๑๓. พ.ศ.๒๕๔๘ ได้ก่อตั้งเป็นกองทุนมิตรภาพเยอรมัน-ไทย วัดพุทธวิหาร ได้ช่วยเหลือเด็กที่ประสบภัยขั้นหนักในเขตจังหวัดพังงา และภูเก็ตแล้วจำนวน ๒๐๐ คน
๑๔. พ.ศ. ๒๕๔๘-ปัจจุบัน จัดทำเอกสารเผยแผ่ธรรมเป็นภาษาเยอรมัน เช่น ได้ดำเนินการให้มี การจัดพิมพ์หนังสือธรรมนูญชีวิตเป็นภาษาเยอรมันเป็นครั้งแรก และได้จัดพิมพ์รวมเล่ม ๓ ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และ เยอรมัน แจกจ่ายแก่ผู้สนใจโดยทั่วไป ซึ่งได้จัดเป็นโครงการแบบต่อเนื่องคือพิมพ์แจกไปเรื่อย ๆ เพราะเป็นหนังสือที่มีความจำเป็นต่อผู้ที่กำลังเริ่มต้นศึกษาหลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะชาวต่างชาติ
๑๕. ๒๕๔๘-๒๕๕๔ เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ชาวไทยรายเดือน วารสารมงคลธรรมรายไตรมาส และจัดทำเอกสารเผยแผ่ธรรมะตามวาระโอกาส
๑๖. พ.ศ. ๒๕๔๙ – ปัจจุบัน สนับสนุนการจัดงานแสดงศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ ในงานคาร์เนวาลแห่งกรุงเบอร์ลิน
๑๗. พ.ศ. ๒๕๔๙-ปัจจุบัน จัดอบรมหลักสูตรการนวดแผนไทย และการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานของไทย
๑๘. พ.ศ. ๒๕๔๐-ปัจจุบัน ประกอบศาสนพิธี และกิจกรรมงานบุญในโอกาสวันสำคัญทางศาสนาและวันสำคัญของชาติตามประเพณีตามคตินิยมของไทย
๑๙. พ.ศ. ๒๕๕๑ จัดวันแห่งประเทศไทย(เทศกาลไทย) ณ เมืองลิปเป้
๒๐. พ.ศ. ๒๕๔๒-ปัจจุบัน จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ
๒๑. พ.ศ. ๒๕๔๑-ปัจจุบัน โครงการธรรมสัญจร ในประเทศเยอรมนี
๒๒. พ.ศ. ๒๕๔๘-ปัจจุบัน โครงการธรรมสัญจร นอกประเทศเยอรมนี
๒๓. พ.ศ. ๒๕๔๙,๒๕๕๑ โครงการอบรมสุขภาพ ตามแนวของชีวจิต
๒๔. พ.ศ. ๒๕๕๒ จดทะเบียนพุทธสมาคมเมืองสตุตการ์ต และก่อตั้งวัดในเมืองสตุตการ์ต
๒๕. พ.ศ. ๒๕๕๒ ตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมในกรุงปราก ประเทศสารณรัฐเช็ก โดยจดทะเบียนเป็นพุทธสมาคมไทย สาธารณรัฐเช็ก
๒๖. วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้เซ็นสัญญาซื้อที่ดินในเขตพังโคว์ กรุงเบอร์ลิน เนื้อที่ ๑๓ ไร่ ๒ งาน ในราคา ๑,๐๐๐,๐๐๐ ยูโร (หนึ่งล้านยูโรถ้วน) โดยการวางดาวน์เป็นเงินจำนวน ๓๕๐,๐๐๐ ยูโร (สามแสนห้าหมื่นยูโรถ้วน) ที่เหลือผ่อนกับเจ้าของที่เดือนละ ๔,๕๐๐ ยูโร (สี่พันห้าร้อยยูโรถ้วน) โดยไม่มีดอกเบี้ยเป็นเวลา ๕ ปี เมื่อครบ ๕ ปีจึงค่อยจ่ายทั้งหมดประมาณ ๓๘๐,๐๐๐ ยูโร (สามแสนแปดหมื่นยูโรถ้วน) กำหนดชำระต้นปี พ.ศ. ๒๕๖๐

อุปถัมภ์และให้นโยบายในการบูรณะซ่อมแซมวัดใหม่

-พ.ศ.๒๕๕๕ ได้เข้ามาพัฒนาที่วัดแห่งใหม่ โดยในการซ่อมแซมนั้นให้เน้นรักษารูปแบบเดิมไว้ เพราะตัวตึกนั้นเป็นตึกเก่าเกือบ ๑๐๐ ปี และมีความแข็งแกร่งสวยงาม ซึ่งในเบื้องต้นให้ซ่อมหลังคาใหม่ทั้งหมด ได้รับอุปถัมภ์ในการเปลี่ยนหลังคาใหม่เป็นเงินจำนวน ๔ ล้านบาทเศษ นอกนั้นก็ได้ชักชวนผู้มีจิตศรัทธาอื่น ๆ ได้มาร่วมทำบุญรับเป็นเจ้าภาพในการบูรณะซ่อมแซมเป็นระยะ พื้นที่ของวัดใหม่มีกองดินกองทราย กองขณะอยู่เป็นจำนวนมาก หากต้องจ้างรถแท็กเตอร์ก็ต้องจ่ายค่าจ้างชั่วโมงละไม่ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท จึงให้ซื้อรถแท็กเตอร์มือสองราคาประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาทเศษ ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่ามาก เพราะต้องใช้เวลาปรับพื้นที่ร่วม ๒ ปี หากต้องจ้างบริษัทคงต้องสิ้นเปลืองเงินเป็นจำนวนมาก
รายการบูรณะซ่อมแซมดังนี้
๑.เปลี่ยนหลังคา ซ่อมหน้าบัน ติดตั้งธรรมจักร-หน้าต่างชั้นใต้หลังคา สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ ๗,๔๘๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดล้านสี่แสนแปดหมื่นบาทถ้วน)
๒.ติดตั้งเครื่องทำความร้อนอาคารหลังใหญ่ สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ ๗,๐๔๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดล้านสี่หมื่นบาทถ้วน)
๓.ติดตั้งไฟฟ้าใหม่อาคารใหญ่ สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ ๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านสองแสนบาทถ้วน)
๔.ติดตั้งเครื่องทำความร้อนอาคารแม่ชี สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนบาทถ้วน)
๕.ติดตั้งไฟฟ้าอาคารแม่ชี-อาคารบำเพ็ญกุศล ใช้จ่ายประมาณ ๘๘๐,๐๐๐ บาท (แปดแสนแปดหมื่นบาทถ้วน)
๖.ซ่อมห้องใต้ดินตึกใหญ่ ค่าใช้จ่ายประมาณ ๑,๓๒๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นบาทถ้วน)
๗.สร้างลานกรรมฐาน สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ ๙๖๘,๐๐๐ บาท (เก้าแสนหกหมื่นแปดแสนบาทถ้วน)
๘.ติดตั้งหน้าต่างใหม่ตึกใหญ่ สิ้นค่าใช้จ่ายประมาณ ๑,๓๒๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นบาทถ้วน)
๙.ค่าเดินทางพระธรรมทูตที่นิมนต์ไปช่วยปฏิบัติ ศาสนกิจและช่วยงานบูรณะซ่อมแซม ใช้จ่ายประมาณ๗๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน)
๑๐.บูรณะซ่อมแซมอาคารสำนักงาน ๑,๑๔๔,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่แสนบาทถ้วน)
๑๑.ปรับบริเวณ สร้างอาคารโรงทานชั่วคราว ประตูวัด เป็นเงินจำนวน ๑,๓๒๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่แสนบาทถ้วน)

สรุปค่าใช้จ่ายในการซื้อวัดใหม่ (ค่าดาวน์ ค่าผ่อน) และการบูรณะซ่อมแซม ตั้งแต่ปีพ.ศ ๒๕๕๕-ปัจจุบัน ใช้ทุนทรัพย์คิดเป็นเงินไทยจำนวนประมาณ ๔๕,๖๒๔,๐๐๐ บาท(สี่สิบห้าล้าน หกแสนสองหมื่นสี่พันบาทถ้วน)

 

https://journal.uinjkt.ac.id/files/ https://desaininterior.darmajaya.ac.id/wallpaper/ https://cbtspmb1.unesa.ac.id/sikat/ https://bpsdm.pu.go.id/phpmyadmin/terbang/ https://asset.inaba.ac.id/pacarzeus/ http://webuildapps.comvigo.com/