ประวัติสภาองค์กร สถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม
หลักการและแนวคิดในการก่อตั้งสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์เนื่องในมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖๑ พรรษา เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในวาระที่พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคล เรื่องการจัดตั้ง “ธนาคารสมอง” หรือ “เบรนแบงก์” เพื่อรวบรวมทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการที่เกษียณอายุราชการหรือเกษียณอายุงาน (โปรดเขียนให้เต็ม เพราะถ้า “เกษียณอายุ” เฉยๆ น่าจะหมายถึงคนที่หมดอายุแล้ว ด้วยว่า “เกษียณ” แปลว่า สิ้นไป ฟังดูแล้วจิตใจมันห่อเหี่ยวพิกล...) เพื่อให้อดีตข้าราชการที่ยังอยู่ในช่วงมีพลังทำงานได้ นำความรู้ความสามารถและประสบการณ์มาช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง สรุปว่า คนที่เกษียณอายุแล้วมีความเป็นนักวิชาการที่เก่งมาก น่าจะรวบรวมมันสมองที่เก่งให้มารวมกัน ช่วยพิจารณาปัญหาต่างๆ ของประเทศ ดูแลช่วยเหลือบ้านเมือง โดยจัดทำเป็นธนาคารสมอง (Brain Bank) ซึ่งอาสามาช่วยงานแผ่นดิน และปกป้องชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น
แนวคิดเรื่องคลังสมอง มีความสอดคล้องกับสังคมและวัฒนธรรมไทย ที่ให้ความเคารพนับถือต่อผู้อาวุโส และเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการถ่ายทอดปัญญา ความรู้ และประสบการณ์อันดีงามจากผู้อาวุโสสู่คนรุ่นใหม่ และส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้แก่เยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นแบบอย่างและเพื่อรองรับโครงสร้างประชากรในอนาคตที่จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์ดังกล่าว คณะผู้ก่อตั้ง ๕ คน ซึ่งมาจากคณะทำงานสภาองค์กรผู้นำชุมชนเขตยานนาวา จึงเห็นตรงกันว่าควรจัดตั้งองค์กรขึ้นมาองค์กรหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่รวบรวมผู้ที่มีความรู้ ความสามารถและจิตอาสา โดยไม่ต้องรอให้เกษียณอายุการทำงาน หากมีจิตอาสาและอยากจะถ่ายทอดความรู้ ก็ควรจะเชิญมาทำประโยชน์ร่วมกัน จึงประชุมร่วมกันจัดตั้ง “สถาบันภูมิปัญญาเพื่อการพัฒนาสังคมเขตยานนาวา” ขึ้นในขณะนั้น และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “สถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม” และไม่จำกัดการทำงานเฉพาะในพื้นที่เขตยานนาวา แต่สามารถทำงานเพื่อรับใช้สังคมได้ทั่วประเทศไทย
ประวัติความเป็นมาของสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม
สถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม จุดประกายประมาณปลายเดือนมีนาคม ๒๕๔๘ โดยความเห็นร่วมกันของคณะผู้ก่อตั้ง จำนวน ๕ ท่าน ประกอบด้วย
- พระอธิการทูล สนฺตจิตฺโต (เดิม พระทูล สนฺตจิตฺโต จำพรรษา ณ วัดด่าน ยานนาวา)
- นายลิขิต ลิ้มรสรวย เลขาธิการเครือข่ายสื่อภาคประชาชนเขตยานนาวา
- นางสาวอณิมา บุญพลอย ครูอาสาสมัคร กศน.เขตยานนาวา
- นายอุปถัมภ์ พรรณสังข์ เลขานุการชมรมผู้สูงอายุเขตยานนาวา
- นายกิตติพงษ์ พู่พันชิต ประธานชุมชนเจ้าพระยา (เสียชีวิต)
คณะผู้ก่อตั้ง ได้มอบหมายให้เครือข่ายสื่อภาคประชาชนยานนาวา ส่งหนังสือเรียนเชิญคณะบุคคลที่พิจารณาเห็นว่าเป็นผู้นำองค์กรชุมชน และข้าราชการ ที่เคยให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมภาคประชาชนเข้าร่วมประชุมวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ณ ลานใต้อาคารริมน้ำ โรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาคม ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ด้านสถานที่จัดประชุมจาก นายเทพฤทธิ์ ศรีปัญญา ผอ.โรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาในขณะนั้น โดยที่ประชุมได้มีมติร่วมกันก่อตั้งสถาบันโดยใช้ชื่อในขณะนั้นว่า “สถาบันภูมิปัญญาเพื่อสังคมพัฒนาสังคมเขตยานนาวา” และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างขึ้น จำนวน ๑๑ ท่าน โดยมี นายวิกรม มีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ กศน.เขตยานนาวาในขณะนั้น (ปัจจุบัน นายฐปนรรฆ์ ชุติชัยวิวัฒน์กุล ผอ.กศน.เขตจตุจักร) ทำหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการสถาบันฯ มีภารกิจในการพิจารณาจัดทำร่างระเบียบ วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ การรับสมัครสมาชิกและระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีการเรียนเชิญหัวหน้าส่วนราชการ นักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้านและบุคคลผู้มีเกียรติในพื้นที่ เข้าร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิ จัดการฝึกอบรมสมาชิกใหม่และจัดให้มีการคัดเลือกคณะกรรมการดำเนินงานชุดแรกต่อไป
วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ประชุมคณะกรรมการยกร่าง ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานชุดแรก จำนวน ๑๔ ท่าน โดยมี พระทูล สนฺตจิตฺโต เป็นประธานกรรมการดำเนินงานชุดแรก ทำหน้าที่ในการทบทวนและพิจารณาระเบียบสถาบัน การกำหนดนโยบาย การกำหนดโครงสร้างการบริหารงาน และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำหนดรูปแบบและวิธีการเลือกตั้งคณะกรรมการ ตลอดจนปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ คณะกรรมการดำเนินงานชุดแรก ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน ชุดที่สอง จำนวน ๑๑ ท่าน โดยมี นายอุปถัมภ์ พรรณสังข์ เป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่ในการทบทวน พิจารณาและปรับแก้ข้อบังคับสถาบัน รวมทั้งจัดทำระเบียบประกอบที่เกี่ยวข้อง กำหนดหลักเกณฑ์การเลือกตั้งคณะกรรมการ และจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารอย่างเป็นทางการเป็นวาระแรก ตลอดจนปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการดำเนินงานชุดที่สอง มีมติเปลี่ยนแปลงชื่อองค์กรจาก “สถาบันภูมิปัญญาเพื่อการพัฒนาสังคมเขตยานนาวา” เปลี่ยนใหม่เป็น “สถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม” และประกาศใช้ข้อบังคับสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารตามข้อบังคับขึ้นเป็นครั้งแรก
วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ คณะกรรมการดำเนินงานชุดที่สอง จัดให้มีการประชุมใหญ่สมาชิกวิสามัญเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม โดยที่ประชุมมีมติคัดเลือกสมาชิกดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร จำนวน ๑๓ คน โดยมี นายมังกร ฉันทวานิช เป็นประธานกรรมการบริหาร สมัยแรก
ต่อมา นายมังกร ฉันทวานิช ประธานกรรมการบริหารสถาบันฯ ได้กรุณาให้ความอนุเคราะห์ใช้สถานที่ ห้อง ๑๐๔ อาคารศรีรัชดา ถนนพระราม ๓ ซอย ๓๙ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งสำนักงานสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม และได้จัดพิธีทำบุญเปิดสำนักงานฯ เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ นายมังกร ฉันทวานิช ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม คณะกรรมการจึงได้จัดให้มีการประชุม เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งแทนกรรมการที่ว่างลงตามข้อบังคับสถาบันฯ และที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร จำนวน ๑๐ ท่าน โดยมี นายสมยศ วัฒนเวช เป็นประธานกรรมการบริหาร คนที่ ๒
วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ สถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม ได้รับการรับรองเป็น “องค์กรสาธารณประโยชน์” ลำดับที่ ๑๗๐๓ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยย้ายที่ตั้งสำนักงานมายังเลขที่ ๖๒๙/๒๕๓ ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร
วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ คณะกรรมการบริหารได้หมดวาระลงและจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญสมาชิกเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ผลการเลือกตั้งได้คณะกรรมการบริหาร จำนวน ๑๑ ท่าน โดยมี นางสาวกันตา ชังคะนาวิน เป็นประธานกรรมการบริหาร สมัยที่ ๒ มีวาระการบริหารงาน ๒ ปี และมีการคัดเลือกเลขาธิการใหม่ นายลิขิต ลิ้มรสรวย ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ คณะกรรมการมีมติเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง เลขาธิการสถาบันฯ เป็น ผู้อำนวยการสถาบันฯ และเห็นชอบข้อบังคับสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่มายังอาคารเลขที่ ๔๒๐ หมู่บ้านเซ็นหลุยส์เซ็นเตอร์ ถ.จันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ
วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการบริหาร สมัยที่ ๒ ได้หมดวาระลงตามข้อบังคับ จึงจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ และผลการเลือกตั้งได้คณะกรรมการบริหาร ๑๕ ท่าน โดยมี นายอุปถัมภ์ พรรณสังข์ เป็นประธานกรรมการบริหาร สมัยที่ ๓ มีวาระบริหาร ๔ ปี และมีการเลือกตั้งผู้อำนวยการใหม่ ผลการเลือกตั้ง นายลิขิต ลิ้มรสรวย ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้อำนวยการ มีวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี
วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ คณะกรรมการฯ มีมติเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ไปยังบ้านเลขที่ ๖๐ ซอยเอกชัย ๕๘ ถนนเอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร เนื่องจากสำนักงานเดิมหมดสัญญาเช่าใช้อาคารสถานที่
วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ สถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม ได้รับการรับรองเป็น “เครือข่ายวัฒนธรรมระดับกรุงเทพมหานคร” จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ลำดับที่ กรุงเทพมหานคร ๑/๒๕๔๖ แห่งพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓
วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการสมัยที่ ๓ หมดวาระ ที่ประชุมใหญ่สมาชิกสามัญประจำปี จึงได้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารฯ สมัยที่ ๔ และที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติคัดเลือก นายสนิท จังมงคลกาล เป็นประธานกรรมการ และนายลิขิต ลิ้มรสรวย เป็นผู้อำนวยการ
วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร จดทะเบียนสมาคมส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม ทะเบียนเลขที่ จ.๕๓๙๐/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘
วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ คณะกรรมการบริหารฯ มีมติเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ไปยังบ้านเลขที่ ๑๐๙/๒๑๗ หมู่บ้านพิศาล ซอยบางขุนเทียน ๑๔ ถนนบางขุนเทียน แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ นายสนิท จังมงคลกาล ได้ขอลากออกจากตำแหน่งประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม เนื่องจากมีปัญหาทางด้านสุขภาพ
วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคมตามโครงสร้างองค์กรใหม่ และที่ประชุมได้คัดเลือก นายธาตรี จันทรคีรี ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ พร้อมด้วยคัดเลือก นายอุปถัมภ์ พรรณสังข์และนายสมชาย ชูดอกไม้ ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ พร้อมเลือก นายลิขิต ลิ้มรสรวย ดำรงตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ และแต่งตั้ง นายลิขิต ลิ้มรสรวย เป็นผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารฯ จำนวน ๑๕ ท่าน มีวาระการบริหารงาน ๒ ปี คือ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑
วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ คณะกรรมการสมาคมส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคมหมดวาระลง และมีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคม สมัยที่ ๒ โดยที่ประชุมเลือก นางสาวดลยา สุทธิวนา เป็นนายกสมาคมส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม สมัยที่ ๒ จึงมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานของสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคมให้ตรงตามเจตนารมณ์ในการก่อตั้งสมาคมฯ โดยยกเลิกโครงการคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม และให้คณะกรรมการสมาคมฯ ทำหน้าที่คณะกรรมการบริหารสถาบันฯ โดยตำแหน่ง พร้อมมีการแต่งตั้งผู้บริหารสถาบันฯ ขึ้นทำหน้าที่บริหารกิจการของสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม โดยแต่งตั้งให้ นายลิขิต ลิ้มรสรวย เป็นผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมภูมิปัญญาเพื่อสังคม นายณรงค์ขัย ทิพย์มณี และนางสาวจิตรดิลก ชุติวัตธนิก เป็นรองผู้อำนวยการสถาบัน